ความจริงเรื่องความรู้ทางวิชาการ

เรียน สำนักพิมพ์ตำราเรียนทุกแห่ง
เรียน......(ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบของบริษัทสำนักพิมพ์ตำราเรียน)

ข้าพเจ้าเป็นเด็กนักเรียนและสมาชิกของ VANK อาศัยอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ VANK เป็นองค์กรที่ไม่ใช่ องค์กรของรัฐและเป็นองค์กรอาสาสมัคร VANK ประกอบด้วยนักเรียนระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลายซึ่งให้ข้อมูลถูกต้องเรื่องประเทศเกาหลีแก่บริษัทสำนักพิมพ์และผู้จัดพิมพ์ตำราเรียน ในระดับนานาประเทศ เกาหลีมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 5,000 ปี มีมรดกทางวัฒนธรรมที่ลงตัวและมีการเติบโต ทางเศรษฐกิจสูง แต่ข้อเท็จจริงเหล่านี้ยังไม่เคยได้นำเสนอในตำราเรียนและสำนักพิมพ์ทั่วโลก เฉพาะอย่างยิ่ง ภาพการพัฒนาแล้วของประเทศเกาหลีที่นำเสนอให้โลกได้ทราบผ่านสื่อมวลชน ได้แก่ การเป็นเจ้าภาพแข่งขัน กีฬาโอลิมปิกที่กรุงโซลในปีพ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) การแข่งขับฟุตบอลโลกชิงถ้วยฟีฟ่าเกาหลี/ญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) ประสบความสำเร็จอย่างมากแต่ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศเกาหลีที่ถูกเสนอในตำราเรียน ระดับนานาชาติยังคงไม่เพียงพอหรือไม่ถูกต้อง

ประการแรก ข้อมูลประเทศเกาหลีในตำราเรียนนานาชาติส่วนใหญ่นำเสนอต่อโลกผ่านทางประเทศญี่ปุ่นหรือจีน ไม่ใช่ผ่านทางประเทศเกาหลีโดยตรง ตัวอย่างที่ดีได้แก่ คำกล่าวถึง ‘ทะเลตะวันออก’ ว่าเป็น ‘ทะเลแห่งญี่ปุ่น’ กล่าวถึงประเทศที่มีคณะกรรมการเศรษฐกิจการค้าโลกอยู่ในอันดับที่ 13 ของโลกว่าเป็นประเทศกสิกรรมที่ยังไม่ พัฒนา กล่าวถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน 5,000 ปีของประเทศเกาหลีว่ามีประวัติศาสตร์ยาวนานเพียง 2,000 ปี และอธิบายว่าประเทศเกาหลีเป็นเมืองขึ้นของประเทศญี่ปุ่นและจีน ความไม่ถูกต้องเกี่ยวกับประเทศเกาหลีใน ตำราเรียนนานาชาตินี้สะท้อนมาจากเนื้อหาในตำราเรียนของญี่ปุ่นโดยไม่มีการพิสูจน์ความถูกต้อง ข้อมูลนี้นำเสนอต่อโลกโดยนักวิชาการชาวญี่ปุ่นหลังจากที่ญี่ปุ่นเข้าปกครองประเทศเกาหลีแบบอาณานิคมใน ช่วงปีพ.ศ. 2453 (ค.ศ.1910) ถึงปีพ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945)

เรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์ของ ‘ทะเลตะวันออก’
http://www.prkorea.com/english/e_truth/e_truth3_2.htm

เราทราบว่าคุณพยายามหลายวิถีทางที่จะเข้าใจวัฒนธรรมและประเทศอื่นๆเพื่อรับมือกับศตวรรษที่ 21 (โลกาภิวัฒน์, การหันเข้าหาข้อมูลกำลังดำเนินต่อไปในศตวรรษที่ 21) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าคิดว่า ตำราเรียนสังคมและภูมิศาสตร์ที่ตีพิมพ์โดยบริษัทของคุณให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมของประเทศ อื่นแก่นักเรียนจำนวนมาก หากคุณมีแผนจะทบทวนเนื้อหาไม่ถูกต้องเกี่ยวกับประเทศเกาหลีหรือหากคุณมีแผน จะเพิ่มเนื้อหาใหม่ๆเกี่ยวกับประเทศเกาหลีเข้าในตำราเรียนของคุณ กรุณาติดต่อ VANK เรามีข้อมูลเนื้อหาทางวิชาการที่ครอบคลุมซึ่งลงรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเกาหลีรวมทั้ง ภาพถ่ายดิจิตอลที่ได้รวบรวมโดยสมาชิก VANK (สมาชิกนักเรียนอาสาสมัครโรงเรียนประถมศึกษา มัธยมศึกษา ตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย 15,000 คน) และเราให้ข้อมูลนี้กับคุณด้วยความเต็มใจยิ่งทางไปรษณีย์หรือ อินเตอร์เน็ตได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ความปรารถนาของ VANK คืออยากให้นักเรียนทั่วโลกได้รับทราบข้อมูล ด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศเกาหลีที่ถูกต้องด้วยความพยายามจากอาสาสมัครของเรา ใช้โอกาสนี้ร่วมแบ่งปันความฝันและมิตรภาพที่มีความหมายกับส่วนอื่นๆของโลก ของแสดงความนับถือ

คำรับรอง

น่าเสียดายที่เมื่อประเทศหนึ่งเข้าปกครองอีกประเทศหนึ่ง สิ่งแรกที่ต้องสูญหายไปคือข้อเท็จจริง เป็นความจริงพอๆกันที่ว่าผู้ที่เข้าควบคุมประเทศหนึ่งยังควบคุมประวัติศาสตร์ของประเทศนั้นไว้อีกด้วย ข้อความดังกล่าวเป็นกรณีของประเทศเกาหลีเมื่อถูกปกครองโดยประเทศญี่ปุ่น (ตั้งแต่ปีพ.ศ.พ.ศ. 2453 (ค.ศ.1910)- ปีพ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945))

ตั้งแต่กลางถึงปลายศตวรรษที่สิบเก้า ใกล้กับช่วงสิ้นสุดยุคสมัยโชซอน ญี่ปุ่นมีเจตนามุ่งครอบครองคาบสมุทร เกาหลี เป็นก้าวแรกในการสร้างจักรวรรดิญี่ปุ่นอันยิ่งใหญ่ เพื่อให้ประเทศอื่นๆยอมรับการผนวกและการเข้า ครอบครองประเทศเกาหลีเป็นอาณานิคมของประเทศญี่ปุ่น สิ่งแรกที่ต้องทำคือสร้างเรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์ ว่าครั้งหนึ่งประเทศญี่ปุ่นเคยควบคุมประเทศเกาหลี ท้ายที่สุด ประเทศญีุ่ปุ่นเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ บิดเบือนข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์จนถึงปลอมประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ประวัติศาสตร์ที่กุขึ้นมาใหม่ ได้ถูกบันทึกเป็นเอกสารอย่างดี และยังมีนักประวัติศาสตร์ชาวตะวันตกหลายคนยอมรับประวัติศาสตร์เกาหลีที่ถูก บิดเบือนนี้ว่าเป็นข้อเท็จจริง เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร

ในที่สุดเมื่อประเทศเกาหลีเปิดประตูให้ชาติตะวันตกในปีพ.ศ. 2425 (ค.ศ. 1882) หลังจากลงนามในสนธิสัญญา กับสหประชาชาติและต่อมาได้เปิดประตูให้ประเทศอื่นๆในเวลานั้นประเทศเกาหลีจัดว่าค่อนข้างยากจน ขาดแคลนเทคโนโลยีเมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่น ญี่ปุ่นได้เปิดประตูประเทศราวสามสิบทศวรรษก่อนหน้านั้น รับเอาเทคโนโลยีชาติตะวันตกและแสวงหาความทันสมัยอย่างกระตือรือร้น ขณะที่ก่อนหน้านั้นหลายปีเกาหลีเคย เป็นพี่ใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นแต่ต้องล่มสลายลงเพียงเพราะการจบสิ้นของราชวงศ์โชซอน การแนะนำประเทศเกาหลีให้ชาติตะวันตกรู้จักผ่านทางประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นญี่ปุ่นจึงควบคุมข้อมูลเกี่ยวกับประเทศ เกาหลีที่เผยแพร่ให้ประเทศอื่นๆ เมื่อมีการผนวกและครอบครองอาณานิคมประเทศเกาหลี ประวัติศาสตร์ของ ประเทศเกาหลีที่เญี่ปุ่นเขียนขึ้นนั้นโดยทั่วไปแล้วแล้วเขียนไว้บนแผ่นศิลาและยอมรับกันว่าเป็นความจริง

ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับประเทศเกาหลีบางประการได้แก่อะไรบ้าง ความเชื่อผิดๆเรื่องใหญ่ที่สุดอาจเป็น 'ไมมานา' ซึ่งเป็นที่รู้จักกันของชาวเกาหลีว่า “ไมนา อิลบอน บู” อันที่จริงแล้ว ไมนามิได้เป็นอะไรมากกว่าสถานีการค้าของ ชาวญี่ปุ่น ที่ปลายใต้สุดของคาบสมุทรเกาหลี ใกล้เมืองปูซานช่วงยุคสามก๊ก ตามเนื้อหาฉบับภาษาญี่ปุ่น ไมนาเป็นอาณาเขตของเครือจักรภพคายา ชาวญี่ปุ่นอ้างแม้กระทั่งว่าเป็นผู้ปราบอาณาจักรซิลลาให้อยู่ใต้อำนาจ!

ในความเป็นจริง ชาวญี่ปุ่นซึ่งเป็นพันธมิตรกับชนเผ่าคายาและอาณาจักรแพ็กเจเองแค่ดีกว่าโจรสลัดรับจ้าง เล็กน้อย จากประเทศที่ในตอนนั้นไม่มีรัฐบาลกลางจริงๆและมีปัญหาเกี่ยวกับระบบศักดินาที่รุนแรง ย่อมยากนัก ที่กำลังทหารของประเทศตนจะสามารถปราบปรามประเทศอื่นได้

หลักฐานทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่า ในความเป็นจริงแล้วเกาหลีมีส่วนสำคัญในการสถาปนา ราชวงศ์ญี่ปุ่น แน่นอนไม่ใช่เรื่องที่ยอมรับกัันกว้างขวางหรือแม้กระทั่งมีการโต้แย้งกันในประเทศญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นพยายามอีกครั้งที่จะได้ตั้งมั่นในประเทศเกาหลีในช่วงปลายศตวรรษที่สิบหกระหว่างยุคสมัยจักรพรรดิ์ ฮิเดโยชิของญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในที่สุด แต่เนื่องจากความพ่ายแพ้ของนาวิกโยธินรวมทั้ง ความไม่สงบทางการเมืองของประเทศญี่ปุ่นเองทำให้ประเทศญี่ปุ่นล้มเลิกความพยายามนี้ ความสงบสุขดำรงอยู่ เป็นเวลาสองศตวรรษครึ่ง ญี่ปุ่นพยายามมีอิทธิพลเหนือประเทศเกาหลีแต่ก็ต้องถูกขัดขวางครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งหลังการล่มสลายของแดวอนกูน (ผู้สำเร็จราชการของประเทศเกาหลีและเป็นพระราชบิดาของ จักรพรรดิ์โคจอง) ที่ประเทศญี่ปุ่นมีโอกาสอีกครั้ง ในปีพ.ศ. 2418 (ค.ศ. 1875) ญี่ปุ่นโจมตีประเทศเกาหลีและ ในปีพ.ศ. 2419 (ค.ศ. 1876) ได้ทำสนธิสัญญากับประเทศเกาหลี เพียงไม่กี่ปีต่อมา ประเทศตะวันตกได้เข้าร่วมและได้แบ่งคาบสมุทรเกาหลีออกเป็นเขตอำนาจและอิทธิพล ความสัมพันธ์ชั้น ปกครองระบบขุนนางในประวัติศาสตร์ของประเทศเกาหลีกับประเทศจีนถูกทำลายและเกาหลีกลายเป็นผู้ถูกเอา เปรียบในภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ

ในปีพ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) ชะตากรรมอันน่าเศร้าของประเทศเกาหลีได้ปิดผนึกลงเมื่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ตกลงกันในเรื่องดินแดนที่อยู่ใต้อิทธิพลในบันทึกความเข้าใจทาฟ์ท-คัตซึระ หากการควบคุมประเทศเกาหลีโดย ประเทศญี่ปุ่นที่เป็นที่ยอมรับ ประเทศญี่ปุ่นก็จะยอมรับการควบคุมประเทศฟิลิปปินส์โดยสหรัฐอเมริกาเช่นกัน เมื่อกษัตริย์โคจองพยายามแสดงให้โลกได้ประจักษ์ถึงนโยบายการรุกรานประเทศเกาหลีของประเทศญี่ปุ่นใน การประชุมเพื่อสันติภาพที่กรุงเฮกในปีพ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) ญี่ปุ่นโต้ตอบโดยการบังคับให้กษัตริย์โคจอง ยอมสละราชบัลลังก์ เกาหลีเหลือเพียงอีกก้าวหนึ่งที่จะเข้าใกล้การไม่เป็นประเทศที่ปกครองโดยระบบกษัตริย์ (และมีคำว่าระบบกษัตริย์เพียงแต่ในนามเท่านั้น)

นับแต่บัดนั้น ประเทศเกาหลีไม่มีโอกาสที่จะแสดงให้ทั้งโลกประจักษ์ถึงข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ของ ประเทศเกาหลีอีกเลย ในเวลานี้ญี่ปุ่นได้เข้าควบคุมประเทศเกาหลีนานนับศตวรรษ นานพอๆกับที่เข้าควบคุม ประวัติศาสตร์ของประเทศเกาหลี ชาวญี่ปุ่นได้กุประวัติศาสตร์ของประเทศเกาหลีขึ้นมาใหม่โดยสิ้นเชิง แม้กระทั่งชาวเกาหลีเองยังถูกบีบบังคับให้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ในฉบับที่ถูกบิดเบือนมากแล้วนี้ น่าเสียดาย สำหรับประเทศเกาหลีและทั่วโลก ชาวเกาหลีจึงไม่ยอมแพ้ให้ความจริงนี้ง่ายๆแม้ว่าบันทึกจำนวนมากจะได้ สูญหายไปหรือถูกบิดเบือนก็ตาม แต่ก็ยังมีอีกจำนวนมากที่ยังเหลืออยู่

ทว่า เป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากในการเปลี่ยนความคิดของโลกเกี่ยวกับประเทศเกาหลีและประวัติของประเทศ เกาหลี แม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะแพ้สงครามโลกครั้งที่สองแต่ก็ชนะสงครามเศรษฐกิจและการศึกษา ประเทศญี่ปุ่น สร้างประเทศใหม่ได้อย่างรวดเร็วด้วยความช่วยเหลือจากชาติตะวันตก ขณะที่ประเทศเกาหลี่ถูกบังคับให้ฟื้นคืน ประเทศด้วยลำแข้งของตัวเองเป็นส่วนใหญ่ คนทั่วโลกเข้าใจประเทศเกาหลีว่าเป็นเสมือนส้วมซึมหลังบ้าน ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็น “มิ่งขวัญแห่งเอเชีย”กลับได้รับการยอมรับให้เข้ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เป็นอย่างดี สงครามเมืองพี่เมืองน้องบนคาบสมุทรห้าปีให้หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองไม่ช่วยเปลี่ยนแปลง ความเข้าใจของชาวตะวันตกได้เลย

เนื่องด้วยประเทศญี่ปุ่นถูกมองว่ามีการพัฒนาทางวัฒนธรรมและการศึกษาแล้ว และประวัติศาสตร์ที่คนญี่ปุ่น เขียนถึงประเทศเกาหลีเป็นเพียงฉบับเดียวที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษจึงถูกยอมรับกันต่อไปว่าเป็นเรื่องจริง นักประวัติศาสตร์ชาวเกาหลีไม่มีโอกาสได้ตีพิมพ์ผลงานเรื่องประเทศเกาหลีเป็นภาษาอังกฤษ และในที่สุดเมื่อได้ตีพิมพ์ ฉบับที่คนญี่ปุ่นเขียนก็ได้รุกในสังคมตะวันตกอย่างเหนียวแน่นเีสียแล้ว จนถึงทุกวันนี้ ประวัติศาสตร์ที่คนญี่ปุ่นเขียนขึ้นได้ใช้สอนเป็นข้อเท็จจริงในสถาบันการศึกษาชั้นสูงในตะวันตกหลายแห่ง โดยส่วนตัวแล้วข้าพเจ้าไม่ขอยกโทษให้ชาวญี่ปุ่นหัวตะวันตกที่ทำลายประวัติศาสตร์ประเทศเกาหลี

โชคดี นักวิชาการหลายคนถือเป็นภาระสำคัญในการให้ชาวโลกได้เรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของประเทศ เกาหลี แหล่งข้อมูลที่ดีมากแหล่งหนึ่งคือหนังสือที่ประพันธ์โดยวอนตั๊ก ฮอง ซึ่งได้รับการขนานนามว่าแพ็กเจ แห่งเกาหลีและเป็นต้นกำเนิดของยามาโตะของญี่ปุ่น หาอ่านในฉบับออนไลน์ได้ที่ http://gias.snu.ac.kr/wthong/publication/paekche/eng/paekch_e.html

องค์กรหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้รู้จักเมื่อเร็วๆนี้คือ VANK (เครือข่ายองค์กรอาสาสมัครแห่งประเทศเกาหลี) ซึ่งตามที่ ได้อ้างไว้บนเว็บไซต์ คือกลุ่มคนที่อุทิศตนให้กับ “การยกระดับภาพพจน์ของประเทศเกาหลีในโลกไซเบอร์ให้ ดีขึ้น” หวังว่า ประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของประเทศเกาหลีจะเป็นที่รับทราบทั่วกันด้วยความพยายามของ vank และนักวิชาการที่สนใจทั่วโลก

Thomas Duvernay,
มหาวิทยาลับดอง กุ๊ก วิทยาเขตเคียงจู